มาวิ่งกันเถอะครับ


  บทความนี้ไม่ได้เกี่ยวกับไอที แต่อยากจะเล่าถึงการวิ่ง   เดิมทีผมเป็นนักกีฬาตระกร้อ เล่นตระกร้อมาตั้งแต่อายุ 12 ปี เล่นระดับโรงเรียน ระดับเขต เล่นมาเรื่อยๆ ต่อมาตอนประมาณปี 2545 -2546 เริ่มมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้ารื้อรัง หลังจากนั้นเลยไม่ได้เล่นตระกร้อแล้ว แต่หันมาเล่นฟุตบอลบ้าง แต่ก็เจ็บที่ข้อเท้าเหมือนเดิม ระยะหลังๆ จึงไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย น้ำหนักเลยเพิ่มขึ้นเรื่อย จนมาถึงเมื่อประมาณ เดือน มกราคม 2558 น้ำหนักขึ้นมาถึง 89 กิโล คลอเลสเตอรอลประมาณ 230 -240 แต่ไม่ได้กินยาลดไขมัน เริ่มทนสภาพร่างกายตัวเองไม่ไหว จึงเริ่มมาออกกำลังกายที่สะดวกที่สุด คือ การวิ่ง  แรกเริ่มก็วิ่งรอบสนามฟุตบอล รอบละ 400 เมตร ประมาณวันละ 3 รอบ ก็เหนื่อย วิ่งบ้างหยุดบ้าง(ตามรูป) บ้างเดือนก็ไม่วิ่งเลย หาข้ออ้างให้ตัวเองตลอด เช่น เลิกงานเย็น อากาศร้อน ขี้เกียจ ทำงานมาหนักทั้งวันแล้ว ฯลฯ แรกๆ วิ่ง มีการเจ็บขา ปวดน่องสารพัด  น้ำหนักก็ไม่ได้ลดลง มีอาการเป็นหวัดบ่อยๆ ไม่ค่อยมีแรง แต่ก็พยายามวิ่งบ้าง 

ตารางเปรียบเทียบการวิ่งปี 2558  กับ ปี 2559  
โดยในปี 2559 จะพยายามวิ่งให้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 100 กิโลเมตร
  

จนมาถึงเดือน ต.ค.2558 ได้สมัครวิ่งงาน TBCA MINI Marathon เป็นมินิมาราธอนแรก วิ่ง 10 กิโลเมตร ทำเวลาไป 1.19 ชั่วโมง เริ่มรู้สึกสนุก

งานมินิมาราธอนแรก 


 แต่หลังจากงานวิ่ง ก็ยังไม่ได้วิ่งจริงจังอีกเลย เดือน ต.ค. วิ่งไป 54 กิโล แต่พอเดือน พ.ย. เหลือวิ่งเพียง 21 กิโล แต่น้ำหนักเริ่มลด สุขภาพเริ่มดี พอเข้าสู่เดือน ธ.ค.2558 เริ่มวิ่งมากขึ้น น้ำหนักตอนสิ้นปี เหลือ 79 กิโลกรัม จาก 89 กิโล โดยนอกเหนือจากการวิ่งแล้ว ในตอนเย็นผมจะทานข้าวเย็นน้อย หรือไม่ทานอาหารหนักๆ  จะทานเพียงน้ำมะพร้าว น้ำเต้าหู้หรือผลไม้เท่านั้น  ลืมบอกไปประมาณเดือนปลายเดือน พ.ย. ได้ดูหนังเรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน ตอน 42.195 กิโล เกี่ยวกับเรื่องวิ่งมาราธอน โดนใจตรงประโยคที่ว่า "ถ้าคุณอยากวิ่ง วิ่งแค่กิโลเดียวก็พอ แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ให้วิ่งมาราธอน" ประโยคนั้น มันก้องอยู่ในหู หลังจากปีใหม่ผมเริ่มตั้งใจวิ่งให้มากขึ้น อยากพบชีวิตใหม่บ้าง(ชีวิตที่มีสุขภาพแข็งแรง) โดยตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะวิ่งมาราธอนให้ได้ในปีนี้ แต่ก่อนจะถึงมาราธอน ผมต้องวิ่ง half marathon ให้ได้ก่อน ซึ่งผมก็ได้ลงวิ่งมาราธอนครั้งแรกในวันที่ 13 มีนาคม 2559 งาน Thai Sikh Half Marathon 2016  เป็นงานแรก โดยวิ่ง  half marathon 21 กิโล ในเวลา 2.28 ชั่วโมง โดยไม่มีอาการบาดเจ็บ (มีแต่เล็บเปลี่ยนเป็นสีม่วง)

รูปจาก half marathon แรก

     ปัจจุบันในวันที่เขียน blog (14 ม.ค. 2559) น้ำหนักตัวผมอยู่ที่ 75 กิโล จากเมื่อเดือน ม.ค. 2558 น้ำหนักอยู่ที่ 89 กิโล ซึ่งลงมาถึง 14 กิโลกรัม  ไม่มีอาการเจ็บป่วย หรือเป็นหวัดเลย และไม่มีการงองแงเมื่อถึงเวลาวิ่ง มีแต่คำว่าอยากวิ่ง ไม่มีข้ออ้างใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทำงานมาหนัก ฝนตก แดดออก วิ่งได้หมด ยกเว้นติดภารกิจจริงๆ  แต่สิ่งที่ต้องปรับปรุงก็คือตารางการฝึกวิ่ง ผมไม่ได้มีตารางการฝึกวิ่ง แค่วิ่งวันล่ะ 6 -7 กิโล เท่ากันทุกวันๆ นานๆ ทีประมาณเดือนละครั้ง ก็จะวิ่ง 10 กิโล แต่เพื่อการวิ่งมาราธอน ผมก็ได้พยายามจัดตารางฝึกซ้อม โดยจะวิ่งวันละ 8 -10 กิโล ส่วนเช้าวันอาทิตย์พยายามจะวิ่งให้ได้วันละ 15 กิโลขึ้นไป และเพิ่มจำนวนให้ใกล้เคียงกับ 42.195 กิโล ให้มากที่สุด
   ผมไม่รู้ว่าหลงรักการวิ่งเมื่อไหร่ แต่กว่าจะรู้ตัวก็ชอบการวิ่งไปแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการวิ่งคือ น้ำหนักตัวลดลงจาก 89 กิโลกรัมเหลือ 75 กิโลกรัม  เอวจาก 39 หรือ 34 จนต้องตัดกางเกงทำงานใหม่ สุขภาพแข็งแรง พุงน้อยลง ระดับคลอเลสตอรอลอยู่ที่ 207  

  โดยต้องขอบคุณกลุ่ม 42.195 K Club...เราจะไปมาราธอนด้วยกัน และกลุ่ม วิ่งเพื่อสุขภาพ  ที่ให้ข้อมูลในการวิ่งในแง่มุมต่างๆ ทั้งการเตรียมตัว  แชร์ประสบการณ์ กำลังใจ และอีกหลายๆ อย่าง ทำให้ผมสามารถวิ่ง half marathon แรกสำเร็จ ซึ่งเป้าหมายต่อไปของผมก็คือวิ่ง marathon แรกให้ได้ภายในปีนี้ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แจ้งเตือนเข้าไลน์กลุ่ม ผ่าน Line notify เมื่อมีคน login เข้า server ของเราผ่าน SSH (linux) หรือ remote desktop เข้ามา (windows server)

การทำ cloud iot ด้วย thingsboard ไว้ใช้เองครับ

การประยุกต์ใช้ line notify ในการแจ้งปัญหาการใช้งาน สำหรับ php